เมนู

482. อรรถกถาพุทธสัญญกเถราปทาน



พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ 2 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อธิจฺจุปฺปตฺติกา พุทฺธา ความว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็น
ผู้มีการอุบัติเลิศลอย คือ ไม่มีเหตุการณ์อะไรขัดข้อง ได้แก่ เกิดเป็นด้วยพระ
ญาณของพระองค์เอง ปราศจากเทวดาพรหมและมารเป็นต้นเหล่าอื่น ที่จะ
ให้คำแนะนำ. บทว่า อุทุมฺพริกปุปฺผํว ได้แก่ คล้ายดอกมะเดื่อที่หาได้โดยยาก
คือเกิดขึ้นได้ยากฉะนั้น. บทว่า จนฺทมฺหิ สสกํ ยถา ได้แก่ คล้ายรูปกระต่าย
ในดวงจันทร์ ซึ่งหาได้ยาก. บทว่า วายสานํ ยถา ขีรํ ความว่าคล้ายกับน้ำนม
กาจะบีบคั้นเป็นนิตย์ คือทั้งคืนทั้งวันให้ได้สักนิดหน่อย ก็ได้โดยยากฉันใด
พระผู้นำของชาวโลกก็หาได้ยาก เพราะกว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ ต้อง
บำเพ็ญบารมีถึง 4 อสงไขยกำไรแสนกัปก็มี ถึง 8 อสงไขยกำไรแสนกัปก็มี
จึงจะได้เป็นพระผู้นำของชาวโลกได้ ฉันนั้นแล.
จบอรรถกถาพุทธสัญญกเถราปทาน

ภิสทายกเถราปทานที่ 3 (483)



ว่าด้วยผลแห่งการถวายเหง้าบัว



[73] ครั้งนั้น เราลงสู่สระโบกขรณีที่
ช้างนานาชนิดเสพแล้วถอนเหง้าบัวในสระนั้น
เพราะเหตุจะกิน สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระนามว่าปทุมุตตระ ผู้ตื่นแล้ว ทรงผ้ากัมพล
สีแดง สลัดผ้าบังสุกุลเหาะไปในอากาศ

เวลานั้น เราได้ยินเสียงจึงแหงนขึ้นไป
ดู ได้เห็นพระผู้นำโลก
เรายืนอยู่ในสระโบกขรณีนั่นแหละ ได้
ทูลอ้อนวอนพระผู้นำโลกว่า น้ำหวานน้ำนมและ
เนยใสกำลังไหลจากเหง้าบัว
ขอพระพุทธเจ้าผู้มีพระปัญญาจักษุโปรด
ทรงรับเพื่ออนุเคราะห์แก่ข้าพระองค์เถิด ลำดับ
นั้นพระสัมพุทธเจ้าผู้ศาสดา ทรงประกอบด้วย
พระกรุณา มียศใหญ่ มีพระปัญญาจักษุ เสด็จ
ลงจากอากาศมารับภิกษาของเรา เพื่อความอนุ-
เคราะห์ ครั้นแล้วได้ทรงทำอนุโมทนาแก่เราว่า
แน่ะ ท่านผู้มีบุญใหญ่ ท่านจงเป็นผู้มี
ความสุขเถิด คติจงสำเร็จแก่ท่าน ด้วยการให้
เหง้าบัวเป็นทานนี้ ท่านจงได้สุขอันไพบูลย์
ครั้นพระสัมพุทธชินเจ้าพระนามว่าปทุมุต-
ตระตรัสฉะนี้แล้ว ได้ทรงรับภิกษาแล้วเสด็จไป
ในอากาศ
ลำดับนั้น เราเก็บเหง้าบัวจากสระนั้น
กลับมายังอาศรม วางเหง้าบัวไว้บนต้นไม้ระลึก
ถึงทานของเรา

ครั้งนั้น ลมพายุใหญ่ดังขึ้นแล้วพัดป่า
ให้สั่นสะเทือน อากาศดังลั่นในเมื่อฟ้าฝ่า
ลำดับนั้น อสนีบาตได้ตกลงบนศีรษะ
ของเรา ก็ในกาลนั้น เราเป็นผู้นั่งตายอยู่ ณ ที่นั้น
เราเป็นผู้ประกอบด้วยบุญกรรม เข้าถึง
สวรรค์ชั้นดุสิต ซากศพของเราตกไป ส่วนเรา
รื่นรมย์อยู่ในเทวโลก
นางเทพอัปสร 84,000 นาง ล้วนประดับ
ประดาสวยงาม ต่างก็บำรุงเราทั้งเช้าเย็น นี้เป็น
ผลแห่งการถวายเหง้าบัว
ครั้งนั้น เรามาสู่กำเนิดมนุษย์เป็นผู้ถึง
ความสุข ความบกพร่องในโภคทรัพย์ ไม่มีแก่
เราเลย นี้ก็เป็นผลแห่งการถวายเหง้าบัว
เราอันพระสัมพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐ
กว่าทวยเทพ ผู้คงที่ พระองค์นั้นทรงอนุเคราะห์
แล้ว จึงเป็นผู้สิ้นอาสวะทั้งปวง บัดนี้ภพใหม่
ไม่มีอีก
ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ เราได้ถวายภิกษา
ใดในกาลนั้น ด้วยการถวายภิกษา เราไม่
รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายเหง้าบัว

เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว. . .คำสอน
ของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.

จบภิสทายกเถราปทาน

483. อรรถกถาภิสทายกเถราปทาน



พึงทราบเรื่องราวในอุปทานที่ 3 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า มธุํ ภิเสหิ สวติ ความว่า น้ำผึ้งกำลังไหลหลั่งออกจากเกสร
บัว. บทว่า ขีรํ สปฺปึ มุฬาลิภิ ความว่า น้ำนมและรสเนยใส กำลังไหล
หลั่งออกจากเหง้าบัว อธิบายว่า เพราะฉะนั้น ขอพระพุทธเจ้า จงรับภิกษา
ทั้ง 2 นั้นของข้าพระองค์เถิด.

จบอรรถกถาภิสทายกเถราปทาน

ญาณถวิกเถราปทานที่ 4 (485)



ว่าด้วยผลแห่งการสรรเสริญพระพุทธญาณ



[74] เราสร้างอาศรมอย่างสวยงามไว้ ณ
ทิศทักษิณแห่งภูเขาหิมวันต์ ครั้งนั้น เราเสาะหา
ประโยชน์อันสูงสุด จึงอยู่ในป่าใหญ่
เรายินดีด้วยลาภและความเสื่อมลาภ คือ
ด้วยเหง้ามันและผลไม้ ไม่เบียดเบียนใคร ๆ เที่ยว
ไป เราอยู่คนเดียว